ซาอุดิอาระเบีย ประเทศนี้ใครๆ ก็รู้จัก แต่น้อยคนนักที่จะรู้ซึ่งถึงความประหลาด ขนบประเพณี ระบอบการปกครอง ชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนสภาพแวดล้อมต่างๆ เหมือนชาติอื่นๆ
            โดยขนบประเพณีที่ชาวโลกรู้สึกอึดอัดที่สุด(แต่ชาวซาอุดี้ไม่อึดอัด) ก็คือสตรีชาวซาอุดี้ไม่มีสิทธิอะไรเป็นของตนเลย โดยเฉพาะการเลือกคู่ครอง ผู้ใหญ่ในครอบครัวจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้โดยเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด สาวเจ้าห้ามปฏิเสธ ห้ามปากมาก ไม่งั้น..............
             และเมื่อแต่งไปแล้ว หากสาวเจ้าซาอุดี้(ซาอุดิอาระเบีย)รายใดลักลอบมีชู้กับเจ้าหนุ่มคนอื่นละก็ โทษสถานเดียวคือ ตาย! และต้องตายอย่างทรมานทรกรรมมากที่สุดด้วย โดยการถูกประชาทัณฑ์ด้วยการปาก้อนหินทีละก้อนๆ จนขาดใจตาย ส่วนฝ่ายชายชู้จะต้องถูกโปยตีด้วยแส้หนังเพียงแค่ 10 ครั้งเองครับ (ฮิๆ โชคดีไป)
             แต่ถึงอย่างไรการประหารโดยวิธีแบบนี้ชาวโลกไม่มีโอกาสจะรับรู้ได้หรอกครับ เพราะส่วนมากจะถูกปกปิดรู้กันในเฉพาะหมู่ชาวซาอุดี้เท่านั้น
             จนกระทั้งปี พ.ศ.2524 เกิดโทษประหารด้วยการตัดศีรษะที่โด่งดังและเกรียวกราวไปทั่วโลก เนื่องจากมีการแอบถ่ายภาพทำวีดีโอและให้ โทรทัศน์บีบีซีนำมาแพร่ภาพให้ดูกันทั่วโลกเสียด้วยสิ
             ที่สำคัญ พิเศษเลย เพราะการประหารในครั้งนี้ กระทำที่ใจกลางเมือง ในนครเจดาห์ อันเป็นนครที่เสมือนเป็นที่รับแขกนอกแขกในภายในประเทศเลยที่เดียว
              และที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้ที่ได้รับโทษในความผิดคบชู้สู่ชายนอกใจสามีรายนี้เป็นถึงเจ้าหญิงสูงศักดิ์เป็นถึงพระนัดดาเจ้าชายโมฮัมหมัด พระราชโอรสพระองค์โตของกษัตริย์อับดุลอาซิสและเป็นพระเชษฐาของพระเจ้าฟาฮัดกษัตริย์ในยุคนั้น กับบุรุษชายชู้ที่เป็นถึงบุตรชายของเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำเลบานอน
              ที่แหวกแนวก็คือฝ่ายหญิงไม่ถูกประหารโดยการปาก้อนหิน และฝ่ายชายก็ไม่ได้ถูกตีด้วยแส้ 10 ครั้ง แต่กลับเป็นว่าให้ฝ่ายชายดูการตัดศีรษะต่อหน้าเจ้าหญิงเองครับ (ซวยเลย)
              เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า เจ้าหญิงแสนสวยนามว่า มิชาอัล บินต์ ฟาฮัด บิน โมฮัมหมัด ถูกจัดพิธีสมรสแล้วตั้งแต่ทรงพระเยาว์กับเจ้าชายสูงอายุที่เป็นพระญาติสนิท แน่นอนแก่กับอ่อนมีเหรอจะเข้ากัน ก็ทั้งคู่ไม่มีใจให้กันนี้
              จนกระทั้งหลายปีผ่านมา สาวเจ้าก็โตเต็มวัย และเกิดชอบพอรักใคร่กับ คาเลด มูฮาลลาล บุตรชายของเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำเลบานอน และมักลอบพบปะกันเป็นประจำ จนหมายใจไว้ว่า วันข้างหน้าจะใช้ชีวิตครอบครัวที่ผาสุข มีการวางแผนชีวิตกันอย่างสวยหรู ดั่งที่นิยายหนังน้ำเน่าไทยจะคิดกัน
              แต่....เอย ความรักของทั้งสองนั้นถูกขัดขวางจากผู้ใหญ่ในครอบครัวอย่างเต็มที่ เต็มกำลังอัตราศึก เจ้าชายโมฮัมหมัด พระอัยการในฐานะที่เป็นประมุขของราชตระกูล รีบตัดไฟแต่ต้นลม โดยจัดให้มีการจัดการสมรสอย่างกระทันหันกับญาติสูงอายุ สูงวัย โดยไม่ถามไถ่ความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายสักนิด
              เมื่อเจ้าหญิงทรงแต่งงานกันไปแล้ว แต่จากการที่ปล่อยอยู่แต่ในวังทำให้เจ้าหญิงเกิดอาการว้าเหว่เหงาใจ เนื่องสามีสูงวัยไม่สนใจในตัวเธอเลย ทำให้เจ้าหญิงต้องแอบติดต่อคนรักเดิมตลอดมา มีการลับลอบพบปะบ่อยครั้ง
              เมื่อความแตก เจ้าชายโมฮัมหมัดพระอัยกาทรงกริ้วหนัก ในฐานะที่ทรงเป็นผู้พิทักษ์รักษาศิลธรรมจรรยาที่เข้มงวดอย่างยิ่งในซาอุดิอาระเบีย แต่การกระทำของเจ้าหญิงนั้นเป็นการตบพระพักตร์ของพระองค์เข้าฉาดใหญ่
              เจ้าชายโมฮัมหมัดทรงประกาศิต ห้ามไม่ให้บุคคลทั้งสองติดต่อกันอย่างเด็ดขาด
               เจ้าหญิงมิชาฮัลทรงประท้วงพยายามฆ่าตัวตายด้วยการเดินลงทะเลที่ชายฝั่งทะเลแดง เดชะบุญ(มั้ง) มีคนไปพบเสื้อผ้าของเจ้าหญิงกองอยู่ที่ชายหาดจึงสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทันท่วงที แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากญาติผู้ใหญ่นัก
               เมื่อเป็นดังนี้ทั้งสองจึงวางแผนกัน หนีออกนอกประเทศเพื่อไปครองรักต่างแดน
               มาถึงขั้นนั้นพระอัยกาโมฮัมหมัดก็หมดความอดทน สั่งจับกุมทั้งสอง เอามาคุมขัง และลงโทษ ลงทัณฑ์ ตามกฎหมายสถานหนัก
                กฎหมายเดิมบัญญัติว่า โทษฐานคบชู้สู่ชาย ฝ่ายหญิงต้องถูกประชาทัณฑ์ด้วยการปาก้อนหินทีละก้อนๆ จนขาดใจตาย ส่วนฝ่ายชายชู้จะต้องถูกโปยตีด้วยแส้หนังเพียงแค่ 10 ครั้ง
                แต่ครั้งนี้พระอัยการเดือดดาลมาก และต้องการหยามคนที่ถูกประหารอย่างที่สุด ต้องการประจานความผิดให้เต็มที่ จึงได้เปลี่ยนการประหารเสียใหม่ เป็นการตัดศีรษะ คาเล็ด มูฮาลลาล ต่อหน้าเจ้าหญิงมิชาอัล แทน
                พิธีกรรมการประหารนี้ผิดรูปแบบที่เคยทำมาก่อน จัดขึ้นที่ลาจอดรถใจกลางนครเจดดาห์ ท่ามกลางสายตาของชาวต่างชาติที่มารอดูชมอย่างคับคั่ง
       

         
                เมื่อนาทีระทึกใจมาถึง เพชฌฆาตเงื้อดาบสูง เตรียมหวดลงบนคอของคาเล็ด มูฮาลลาล ทั่ว บริเวณเงียบสนิท เมื่อเสียงดาบหวดขวับเควี้ยวแวกอากาศทำลายความเงียบขึ้น เสียงหวีดร้องของผู้คนที่มาชมประหารครั้งนี้เช็งแซ่ และเจ้าหญิงมิชาอัล ที่ทรงบังคับให้ดูการประหารชู้รัก ณ ลานประหารทรงกรีดร้องสุดเสียง ก่อนที่จะเป็นลม ล้มคว่ำนอนกับพื้น สิ้นสติสมประดีไป
                  ยัง การประหารยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อลืมตาตื่น ผู้คนที่มาชุมนุมรอบลานประหารไม่ได้เห็นสิ่งที่ทุคนจะได้เห็นมาก่อน เมื่อ....หัวของคาเล็ด มูฮาลลาล ยังตั้งอยู่บนบ่าเรียบร้อยและยังมีลมหายใจต่อไป ทำให้เพชฌฆาตต้องลงดาบซ้ำถึง 4 ครั้ง 4 คราว กว่าหัวของคาเล็ดจะหลุดจากบ่า ร่างคาเร็ด ฟุบลงไปในท่าคุกเข่าก่อนที่จะระทดระทวยร่างกายร่างราบลงไปกับพื้นใกล้เคียง ศีรษะของเขากลิ้งหงายอยู่ไม่ไกล ส่วนเจ้าหญิงก็ถูกปลงพระชนม์ด้วยกระสุนปืนจำนวน 6 นัดซ้อน ณ ลานประหารแห่งนี้ เช่นเดียวกัน เอาเป็นว่าไปแต่งงานในโลกหน้าเลย
                   ยังครับ เรื่องยังไม่จบ......แม้จะมีการห้ามถ่ายภาพนิ่งหรือภาพยนต์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีคนลับลอบภาพเหตุการณ์นี้ไปทำสารคดีของบีบีซีออกเผยแพร่ไปทั่วอังกฤษและสหรัฐจนได้น่า
                    ผลที่ตามมาคือเมื่อราชสำนักซาอุดิอาระเบียทราบเรื่องเข้าก็สั่งตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอังกฤษทันที ฐานยุ่งเรื่องของชาวบ้านดีนัก
                     เรื่องเลยจับลงฉะนี้แล..............................

จากต่วยตูนพิเศษ ฉบับที่ 311 มกราคม 2544

0 comments:

Post a Comment